แด่อาแจ็กซ์กับชายผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ

แก่อาแจ็กซ์กับชายผู้อยู่เบื้องหลังการบรรลุผล
แก่อาแจ็กซ์กับชายผู้อยู่เบื้องหลังการบรรลุเป้าหมาย
“เด็กๆเหล่านี้ไม่เคยลงเล่นเกมนัดหมายชิงแชมป์มาก่อนมันเกิดเรื่องใหม่สำหรับพวกเขา พวกเขาได้ศึกษาอะไรมากมายจากเกมนี้ พวกเขาจะอดทนขึ้น ถ้าหากพวกเราสามารถเก็บเนื้อเก็บตัวหลักของกลุ่มชุดนี้ไว้ได้ พวกเราจะอดทนขึ้นแน่ๆ” คำกล่าวของปีเตอร์ บอสซ์อดีตกาลเทรนเนอร์อาแจ็กซ์ อันสเตอร์ดัม ข้างหลังจบเกมแพ้แมนฯยูไนเต็ด 0-2 ในเกมนัดหมายชิงยูโรปา ลีก
เวลาผ่านไปสองปี ผู้เล่นครึ่งเดียวของกลุ่มที่ได้สัมผัสเกมนัดหมายชิงถ้วยเล็กยุโรปในช่วงเวลานั้น เป็นลำแข้งตัวจริงในเกมล้มม้าลาย ยูเวนตุๆส ที่ถิ่นตูริน

อาแจ็กซ์ เคยครอบครองความใหญ่โตบนเวทียุโรปตอนระหว่างปี 1971-1973 โดยครองแชมป์สามยุคติด

ปี 1995 ยักษ์ใหญ่จากอัมสเตอร์ดัม เอาชนะเอซี มิลานเถลิงแชมป์ยุคที่ 4 ด้วยผู้เล่นที่ถัดมาได้แจ้งกำเนิดบนเวทีลูกหนังโลก อย่าง พาทริค ไคลเวิร์ต, เอ็ดการ์ ดาวิดส์, เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์, ยาปรี่ ลิตมาเน่น อื่นๆอีกมากมาย

โน่นเป็นหนสุดท้ายที่พวกเขาได้สัมผัสถ้วยใบนี้ ซึ่งจากนั้นก็มิได้ใกล้เคียงอีกเลย โดยดีที่สุดเป็นเข้ารอบก่อนรองฯ เมื่อปี 2003

ตลอดเกือบจะๆ30 ปีที่ล่วงเลยไป จากผู้มีอิทธิพลในอดีตกาลเปลี่ยนเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ

เมื่อมองเห็นสมาพันธ์อันเป็นสุดที่รักเบาๆย่ำแย่ลงไปเรื่อย”โยฮัน ครัฟฟ์” สมัยก่อนหน้าแข้งระดับตำนานของกลุ่ม อยากได้เปลี่ยนสภาพอาแจ็กซ์ให้กลับมาดูดีหรูหราอีกรอบ

ครัฟฟ์ กลับเข้ามาปฏิบัติงานกับอาแจ็กซ์ ในฐานะที่ปรึกษาประจำกลุ่ม ซึ่งเขาได้วางวิสัยทัศน์ประการแรกเป็นปรับปรุงระบบเยาวชน

แก่อาแจ็กซ์กับชายผู้อยู่เบื้องหลังการบรรลุผล
แต่ว่าความปรารถนาดีของเขา กลับถูกเฉยเมย แล้วก็จบด้วยรอยด่าง 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ วันที่อาแจ็กซ์ปราบทั้งยังเรอัล มาดริด แล้วก็ยูเวนเหม็นตุส ทะลุเข้ารอบรองฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

เป็นวันที่ทุกคนได้มองเห็นแล้วว่าเมล็ดพันธุ์ที่เขาปลูกทิ้งเอาไว้ มันได้ผลิดอกออกผลสวย

สื่อต่างชาติ ได้ชมเชย โปรเจ็คชิ้นนี้ของครัฟฟ์ว่าเป็นเสมือน Velvet Revolution หรือ การเปลี่ยนแปลงผ้ากำมะหยี่ 

Velvet Revolution เป็นการเปลี่ยนระบอบการปกครองของเชโกสโลวาเกียจากระบอบเผด็จการภายใต้พรรคลัทธิคอมมิวนิสต์มาเป็นระบบการบ้านการเมืองเสรีแบบตะวันตกโดยไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อ 

เอาละ พวกเรากลับมาเรื่องบอลกันต่อ… จุดกำเนิดของครัฟฟ์ มันมีที่มาเช่นไร

เริ่มจากคอลัมน์เล็กๆ

“This isn’t Ajax anymore.”

“นี่มันไม่ใช่อาแจ็กซ์ อีกต่อไปแล้ว” 

คำบอกเล่านี้เกิดขึ้นเมื่อมองเห็นอาแจ็กซ์แพ้ต่อเรอัลมาดริด 0-2 เมื่อก.ย. 2010 

ครัฟฟ์ระบายความขุ่นเคืองของตนเองในหน้าคอลัมน์ของ De Telegraaf ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ในเนเธอร์แลนด์

ครัฟฟ์มั่นใจว่าตำแหน่งกระดานบริหารในกลุ่ม จะต้องเป็นผู้เล่นเก่าที่รู้เรื่องวัฒนธรรมของหน่วยงาน 

เขามั่นใจว่าทางเดียวที่ชมรมจะคืนกลับจุดสุดยอดอีกทีเป็นจะต้องทำให้อาแจ็กซ์เป็นหัวหน้าสำหรับในการผลิตนักฟุตบอลคุณภาพดี ซึ่งมันจำต้องเริ่มจากการมีระบบระเบียบเยาวชนอันเยี่ยมยอด

ความนึกคิดนี้ของครัฟฟ์ได้รับแรงช่วยเหลือจากหลายข้าง จนถึงทำให้เขาได้กลับมาร่วมงานตรงนี้อีกที 

ในยุคค้าหน้าแข้ง ครัฟฟ์ยิ่งใหญ่เอามากๆเป็นอันมากหลักในชุดแชมป์ยุโรปสามยุคซ้อน 

ปัญหาของอาแจ็กซ์ เป็นการที่พวกเขาไม่ใช่กลุ่มที่มีเงินถุงใส่เงินถัง แม้กระนั้นครัฟฟ์มิได้เห็นว่าหัวข้อนี้มันเกิดเรื่องใหญ่ ราวกับที่เขาเคยบอกไว้ว่า “ผมไม่เคยมีความเห็นว่าถุงใส่เงินมันจะทำประตูได้สักนิด”

ทำการขั้นที่หนึ่งของครัฟฟ์ เป็น ดึงวิม ยองค์ รวมทั้งเดนนิส เบิร์กแคมป์ สองลูกหม้อของกลุ่มเข้ามาเพื่อเป็นการปลุกวิญญาณของอาแจ็กซ์ให้ตื่นมาอีกรอบ

แก่อาแจ็กซ์กับชายผู้อยู่เบื้องหลังการบรรลุผล
รูเบน ยองคายด์ เข้ามาเป็นหัวหน้าการพัฒนาเยาวชนในสมัยของครัฟฟ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนักแสดงหลักของการเปลี่ยนแปลงคราวนี้ บอกว่า “เขา(ครัฟฟ์)มีอำนาจมากมายสำหรับการเปลี่ยนนี้ อีกทั้งจิตวิญญาณรวมทั้งพลังสำหรับการลงมือกระทำ สิ่งที่โยฮันมีมันมากกว่าคำว่าสปิริตเสียอีก”

แนวทางของครัฟฟ์ที่วางไว้เป็น จะต้องมีผู้ชำนาญส่วนบุคคลรวมทั้งผู้ฝึกสอนแต่ละคนควรจะเป็นคนที่มีความรู้และความเข้าใจในด้านนั้นๆ

โดยแบ่งสำคัญๆเป็น 4 ข้อดังต่อไปนี้

1. เล่นบอลด้วยสไตล์สวยน่าสนใจ

2. ในกลุ่มชุดตัวจริง ครึ่งเดียวควรจะเป็นผู้เล่นที่เติบโตจากระบบเยาวชน รวมทั้งจำต้องเก่งพอเพียงสำหรับเพื่อการที่จะเป็นนักฟุตบอลของกลุ่มที่ดีเยี่ยมที่สุด 1 ใน 8ของยุโรป

3. แมวมองสายตาดี : ผู้เล่นที่กลุ่มจะซื้อเข้ามานั้นควรเป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพมากยิ่งกว่านักฟุตบอลเยาวชนที่มีอยู่

และก็ 4. มีวัฒนธรรมชัดแจ้ง : ทุกๆคนในกลุ่มจะต้องมีดีเยี่ยมใจเดียวกัน มีอะไรสามารถบอก-คุยกันได้ เปิดรับความคิดเห็นของแต่ละคนในเชิงบวก

ยูโดและก็ผู้กระทำระกระโดด

คุณฟังไม่ผิดแน่ๆ ซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียน เอริคบวงสรวง, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ และก็ ดาลี่ย์ บลินด์ ต่างก็เคยผ่านมาหมดแล้ว 

ยองคายด์ ดึงเหล่าผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านกีฬาต่างๆดังเช่น กระโจนค้ำถ่อ, อเมริกัน บอล รวมทั้งยูโดมาใช้กับระบบเยาวชนของกลุ่ม เพื่อเด็กได้สัมผัสกับศาสตร์ที่ต่างออกไปต่างประเทศเหนือจากบอลแล้วก็เป็นการทำความเข้าใจความเป็นนักกีฬาไปในตัว

ในตอนนี้ กางรม ซอม อดีตกาลนักวิ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญสำหรับในการวิ่งระยะ 800 เมตร ก็ได้เข้ามาติวรายตัวแก่นักเตะในกลุ่ม ซึ่งหนึ่งในซึ่งก็คือ มัทไธจส์ เดอ ลิกต์ ฝากขั้นต่ำ100

ใส่ความเห็น